【ช่องโมโน29 ออนไลน์】‘สมาย’ ช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์สาว ‘ชุติกาญจน์ เหิรอดิศัย’ สวยแซ่บก็ ‘ไม่ใช่แค่คอนเทนต์’ | เดลินิวส์
ถ้าพูดถึง “อาชีพช่างซ่อมรถ” ร้อยทั้งร้อยก็จะต้องนึกถึงภาพผู้ชายกำยำสูงใหญ่ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดำของน้ำมันแน่ ๆ ซึ่งอาชีพนี้นอกจากฝีมือแล้วก็ถือเป็นอาชีพที่ใช้แรงมาก เป็นงานที่หนัก แต่ใครจะเชื่อว่าวันนี้เราจะได้เห็น “ช่างซ่อมรถผู้หญิงสวยแซ่บ” ที่ไม่เพียงพลิกภาพจำใครหลายคน แต่ด้วยความสะสวย ใครที่ได้เห็นก็คงไม่อาจละสายตาไปได้ จนเธอกลายเป็นอีก “คนดังในโซเชียล” ซึ่งวันนี้ “ทีมวิถีชีวิต” จะพาไปทำความรู้จักกับเธอ กับบางมุมบางเรื่องราวที่ลึกซึ้ง…
“ช่างซ่อมรถสาวคนดัง” รายนี้ มีชื่อเล่น-ชื่อจริงนามสกุลจริงว่า “สมาย-ชุติกาญจน์ เหิรอดิศัย” ปัจจุบันเธออายุ 25 ปี ประกอบอาชีพเป็น “ช่างซ่อมรถมอเตอร์ไซค์” ถึงขั้นเปิดธุรกิจอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองในชื่อ “สมายการช่าง” โดยเธอบอกเล่าให้ “ทีมวิถีชีวิต” ฟังว่า อาชีพช่างซ่อมรถนี้ ไม่ได้เพิ่งมาทำแค่เดือนสองเดือน หากแต่เธอได้ยึดอาชีพนี้เพื่อทำมาหากินเลี้ยงตัวเองมามากกว่า 10 ปีแล้ว โดยสมายบอกว่า เธอเป็นลูกสาวคนเล็กของ “เหิรอดิศัย” ซึ่งครอบครัวของเธอทำธุรกิจซ่อมรถมานานกว่า 40 ปี ซึ่งเธอก็ได้ฝึกฝนวิชากับเทคนิคการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์มาจากคุณพ่อ และเริ่มเป็นช่างซ่อมเต็มตัวตอนที่เธออายุแค่เพียง 14 ปี โดยลูกค้าเก่าแก่ทุกคนจะต้องจำเธอได้ กับภาพของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ก้มหน้าก้มตาซ่อมรถ
“ใครที่แวะเวียนมาใช้บริการที่อู่ ซึ่งอยู่แถวพุทธมณฑลสาย 8 นครชัยศรี นครปฐม จะต้องคุ้นตากับภาพที่สมายควงประแจ ถือสว่าน งัดยาง ไขน็อต เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรือเดินไปทั่วในอู่” สมาย ช่างซ่อมรถสาวคนนี้กล่าว
ส่วน “จุดเริ่มต้น” ที่ทำให้มาเป็นช่างซ่อมรถนั้น สมายบอกว่า คุณพ่อของเธอเปิดร้านซ่อมรถมาตั้งแต่ตอนที่ท่านอายุ 16 ปี ซึ่งปัจจุบันท่านอายุ 60 กว่าแล้ว เธอจึงโตมาในอู่ซ่อมรถตั้งแต่เด็ก จนกลายเป็นความผูกพัน เพราะตั้งแต่เล็ก ๆ เธอจะได้เห็นเครื่องไม้เครื่องมือและวิธีซ่อมรถจนเจนตา เพราะตอนที่คุณพ่อทำงาน เธอก็จะอาศัยอู่ซ่อมรถเป็นสนามเด็กเล่น หรือบางทีคุณพ่อก็มักจะให้เธอกับน้องช่วยมาเป็นลูกมือ ด้วยการคอยหยิบอุปกรณ์หรือเครื่องมือช่างให้ หรือไม่ก็ให้เธอและน้องช่วยขันน็อต ช่วยคลายน็อตให้ จึงอาจจะเรียกได้ว่า เธอซึมซับงานซ่อมรถมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่จำความได้
อย่างไรก็ตาม แต่ถึงจุดหนึ่ง ครอบครัวเธอต้องเจอกับมรสุมชีวิต จากปัญหาหลายอย่างที่ประดังเข้ามาที่ครอบครัว เช่น อู่ซ่อมรถที่คุณพ่อเปิดอยู่ริมถนนโดนเจ้าของที่ดินไล่ที่ คุณพ่อจึงต้องซัดเซพเนจรไปหาทำเลเปิดอู่ใหม่ เพราะถ้าไม่เปิดอู่ ก็จะไม่มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งสมายบอกว่า เธอจำได้แม่นยำถึงชีวิตช่วงนี้ เพราะด้วยความที่เธอไม่อยากให้คุณพ่อลำบากมากไปกว่านี้ เธอจึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ซึ่งตอนนั้นเธอกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.ต้น เพราะต้องการช่วยทางบ้านลดภาระค่าใช้จ่าย โดยสมายบอกว่า ตอนที่ลาออกจากโรงเรียน ก็ไม่ได้นึกเสียใจน้อยใจอะไร เพราะตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า จะช่วยคุณพ่อทุกทางเท่าที่จะทำได้ หรืออะไรที่ช่วยได้ หรือทำได้ เธอจะทำทันที
“ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าการตัดสินใจของเรามันยิ่งใหญ่อะไร แค่รู้สึกว่าอะไรที่เราทำได้ ก็ทำไปก่อน เหมือนตอนนั้นยังเด็ก ยังทำอะไรไม่ได้ ช่วยเรื่องเงินก็ไม่ได้ ออกไปทำงานข้างนอกก็ไม่ได้ ดังนั้นที่ช่วยได้คือเอาแรงช่วย สมายก็เลยมาช่วยงานที่อู่ซ่อมรถแห่งใหม่ของคุณพ่อ และอีกอย่างที่ตัดสินใจมาเป็นช่างซ่อมรถนั้น เพราะคิดว่า สุดท้ายแล้วถึงเรียนจนจบออกมา ก็คงมาทำสิ่งนี้อยู่ดี เราก็เลยเลือกทางนี้ และอีกอย่าง ถ้าพูดตามตรง สมายเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน ร้านนี้ยังไงก็ต้องเป็นของเราสักวัน เพราะพี่สาว 2 คนแยกย้ายไปมีครอบครัวหมดแล้ว ธุรกิจที่บ้านนั้น ยังไงเราก็คงต้องสานต่ออยู่แล้ว ก็เลยเลือกทางนี้ง่ายขึ้น” สมายกล่าว
พร้อมเล่าอีกว่า เดิมทีนั้นเธอช่วยงานซ่อมรถได้แบบพื้น ๆ หยิบอุปกรณ์ หยิบยางรถ เติมน้ำมันเครื่อง แต่หลังลาออกจากโรงเรียนแล้ว และต้องจริงจังกับงานนี้เต็มตัว เธอจึงเรียนรู้เรื่องซ่อมรถแบบจริงจัง ทำให้จากที่เคยทำได้ก๊อก ๆ แก็ก ๆ ก็เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ จนเข้าใจการซ่อมทุกขั้นตอน หรือจะให้เธอผ่าเครื่องยนต์ ประกอบเครื่องยนต์ เธอก็ทำได้หมด
“ที่สมายเรียนรู้ได้เร็วกว่าคนอื่น หนึ่งคือเพราะเราโตมาในอู่ สองคือคุณพ่อฝึกให้เราเรียนรู้ด้วยตัวเองก่อน อันไหนไม่ได้ค่อยถาม เพราะจะได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ซึ่งถ้าใครที่ติดตามช่องของสมาย หรือได้ดูไลฟ์สด จะเห็นเลยว่า ถ้าเราไม่ได้ตรงไหน จะถามคุณพ่อตลอด เพราะเราห่วงรถพังมากกว่ากลัวเสียหน้า และถ้าทำผิดไปลูกค้าก็จะรู้สึกแย่ นอกจากนี้ สมายก็ไม่ได้มีคุณพ่อเป็นครูคนเดียว แต่มีครูมากมายที่คอยแนะนำเทคนิคต่าง ๆ ให้ โดยเฉพาะครูที่สมายได้ผ่านการไลฟ์สด ทำให้ได้ connection ช่างซ่อมรถพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งสมายก็เอาคำแนะนำที่ได้รับมาปรับใช้ด้วย”
สมายบอกเรื่องนี้ พร้อมเล่าให้เราฟังต่อไปว่า แม้จะมุ่งมั่นและตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอยากเป็นช่างซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อตามรอยเท้าคุณพ่อ แต่หลังจากที่เธอเริ่มโชว์การซ่อมรถผ่านทางไลฟ์สดได้สักระยะ ก็มักจะมีบางคนที่เข้ามาดูถูก หรือประชดประชันเธอด้วยคำพูดที่ฟังแล้วไม่ดีเลย โดยมักจะมีคำครหาว่า เธอแค่ทำเพราะต้องการสร้างคอนเทนต์เท่านั้น ซึ่งเธอก็ไม่ตอบโต้ หรือบางทีลูกค้าบางคนก็ไม่เชื่อมั่นในฝีมือของเธอ ซึ่งช่วงที่เปิดตัวเป็นช่าง เธอมักจะโดนคำดูถูก เพราะยังไม่มั่นใจว่าเธอจะซ่อมรถได้หรือไม่ เธอจึงต้องพิสูจน์ความสามารถให้ทุกคนได้เห็น เพราะเมื่อคนเห็นเธอทำได้ ก็จะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเธอมองว่า โชคดีมากที่ยุคนี้มีแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้คนเห็นฝีมือเธอได้ง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยโปรโมทด้วย
“จุดเด่น” ของ “อู่สมายการช่าง” นั้น เธอบอกว่า น่าจะเป็นเรื่องเซอร์วิส หรือการบริการ ที่ไม่เหมือนกับอู่อื่น ๆ โดยกับบางอู่นั้น เมื่อรถมีปัญหา ก็จะให้ลูกค้าเอารถจอดทิ้งไว้ถึงจะคอยเช็กให้ หรือไม่ก็จนกว่าจะทำเสร็จ ถึงจะโทรฯ เรียกลูกค้าให้มาเอารถไป โดยที่ลูกค้าอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า รถของเขาเป็นอะไร เสียเพราะอะไร แต่ที่อู่ของเธอนั้น ก่อนจะซ่อมเธอจะอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจก่อนว่า รถมีปัญหาจุดนี้นะ จุดนั้นนะ ถ้าจะซ่อม ก็จะต้องซ่อมตรงนี้ ซ่อมแบบนี้ หรือตอนที่ซ่อมเสร็จแล้ว ก็จะแนะนำลูกค้ากลับไปด้วยว่า ถ้าเกิดรถมีปัญหาแบบนี้อีก ให้เช็กแบบนี้ หรือแนะนำวิธีป้องกันไม่ให้รถเสีย เป็นต้น “จุดนี้มั้งที่น่าจะเป็นเสน่ห์ของอู่เรา ที่ช่วยมัดใจลูกค้า ทั้งลูกค้าเก่า ทั้งลูกค้าใหม่ ทำให้ไม่อยากไปซ่อมกับอู่อื่น” เธอระบุ
แต่อย่างไรก็ตาม เธอบอกว่า กับบางคนก็อาจจะยังติดภาพว่าอาชีพช่างซ่อมรถเป็นพื้นที่สำหรับผู้ชาย จึงสบประมาทและมีอคติกับช่างผู้หญิง ซึ่งเธอเคยโดนมนุษย์ป้าคนหนึ่งเข้ามาที่ร้านและพูดว่าทำไมเป็นผู้หญิงแล้วไม่ไปทำงานในออฟฟิศสบาย ๆ เธอฟังแล้วก็คิดในใจว่า ทำไมคิดแบบนี้ งานซ่อมรถมันคือทางที่เธอเลือก แต่ก็เข้าใจได้ว่าป้าคนนั้นอาจจะไม่ได้เปิดรับอะไรใหม่ ๆ หรือโลกของเขาแค่กว้างไม่มากพอ ทั้งนี้ และก็ไม่ใช่กับคนทั่วไปเท่านั้นที่อาจมีอคติ กับช่างด้วยกันเองก็ด้วย ซึ่งสมายบอกว่าเธอก็เคยโดนดูถูกเช่นกัน โดยเธอได้เล่าให้เราฟังเกี่ยวกับเคสนี้ว่า มีครั้งหนึ่งได้ติดต่อไปที่อู่ของช่างผู้ชายที่โตกว่า เพื่อที่จะคุยเรื่องอะไหล่ เผื่อจะมาเป็นพาร์ตเนอร์กันได้ แต่ทางฝั่งนั้นตอบกลับมาว่าไม่คุยด้วย พร้อมกับบอกว่าตัวเธอเป็นแค่นักแสดง ไม่ใช่ช่างซ่อมรถจริง ๆ ซึ่งเธอเองก็เข้าใจ เพราะทางฝ่ายนั้นอาจจะคิดว่า ที่เห็นเธอซ่อมรถคงแค่ต้องการทำคอนเทนต์ ไม่ได้ซ่อมรถได้จริง ๆ ซึ่งเธอก็ไม่ได้เก็บมาคิดหรือเก็บมาสนใจ เพราะที่สุดแล้ว คนที่รู้จักตัวเธอดีที่สุดก็คือตัวของเธอนั่นเอง
“คำดูถูกว่าไม่ได้เป็นช่างจริง ๆ ก็ส่วนหนึ่งที่โดนเยอะ แต่ที่โดนเยอะและเรายอมไม่ได้ ก็คือการ Sexual Harassment หรือการถูกลวนลาม ด้วยคำพูด หรือทางสายตา เพราะด้วยการที่เรามีภาพลักษณ์เซ็กซี่นอกเวลางาน ก็ทำให้บางครั้งเราจึงถูกคุกคามทางเพศ ซึ่งเหตุการณหนึ่งที่จำได้ไม่ลืมนั้น เกิดขึ้นตอนที่สมายอายุ 18 โดยมีลุงคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา และบอกว่าล้อหน้ามีเสียง ให้เราดูให้หน่อย เราก็เอารถไปตรวจเช็ก ดูว่าล้อหรือเบรกมีปัญหามั้ย แต่จังหวะที่เรากำลังจะลุกขึ้น ลุงคนนั้นก็เข้ามาโอบสมายจากด้านหลัง แล้วหน้าเขาก็อยู่ใกล้มาก ตอนนั้นสิ่งที่เข้ามาในหัว คือคำที่ครูพละเคยสอนไว้ว่า เก็บคอ งอเข่า แล้วมุดออก เราก็ทำเลย กลิ้งตัวออกไปเป็นลูกขนุน แล้วก็ไปเรียกแม่ พอแม่จะออกมาจัดการ เขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์หนีไปแล้ว… หรืออย่างตอนกำลังไลฟ์สดอยู่ ก็มักจะมีคนเข้ามาคอมเมนต์ไม่ดีกับเรา เช่น มีคนหนึ่งขอให้สมายช่วยครางเป็นชื่อของเขาให้ฟังหน่อย เราก็มึนมากเลย” นี่เป็น “เรื่องราวที่ไม่น่าประทับใจ” ที่ช่างซ่อมรถสาวรายนี้เคยเผชิญ
“สมาย-ชุติกาญจน์” พูดถึงเป้าหมายของเธอ หลังจากที่ได้รับช่วงต่อกิจการซ่อมรถจากคุณพ่อว่า ตอนนี้ในแง่คนรู้จัก ตัวเธอมองว่าอยู่ในช่วงที่ดีมาก เพราะมีคนรู้จักเธอผ่านทางแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่น้อยเลย อาทิ กว่า 7 แสนคนบนเฟซบุ๊กเพจ “สมายการช่าง” และกว่า 3 แสนคนบนเฟซบุ๊กส่วนตัว กับอีกกว่า 2 แสนคนบนไอจี และเกือบ 1 ล้านคนบนติ๊กต๊อก ทำให้ตอนนี้ก็เริ่มที่จะมีงานใหม่ ๆ เข้ามาให้เธอได้ลอง เช่น การรีวิวสินค้า เช่น น้ำมันเครื่อง ส่วนธุรกิจใหม่ตอนนี้ ที่ทำเพิ่มเติมจากการซ่อมรถก็คือ เธอกำลังทำแบรนด์แก้วน้ำเป็นของตัวเอง ทั้งนี้ ก่อนจะจบการสนทนากันวันนั้น เธอได้ย้ำทิ้งท้ายกับ “ทีมวิถีชีวิต” ว่า “พร้อมเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงอีกหลาย ๆ คน เพราะเชื่อว่า ผู้หญิงทุก ๆ คนนั้นสามารถทำอะไรได้ทุก ๆ อย่าง…ทำได้ไม่แตกต่างจากผู้ชาย”.
สมายช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์สาวชุติกาญจน์เหิรอดิศัยสวยแซ่บก็ไม่ใช่แค่คอนเทนต์เดลินิวส์‘เคยฝันอยากเป็นสัตวแพทย์’
เพราะเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยและหุ่นดี จึงมีหลายคนถาม “สมาย-ชุติกาญจน์ เหิรอดิศัย” เสมอ ๆ ประมาณว่า เธอคิดฝันอยากแต่งตัวสวย ๆ ทำงานเป็นนางแบบไหม ซึ่งเธอได้ฟังแล้วก็จะตอบกลับไปว่า จริง ๆ ที่เห็นภาพของเธอในลุคเซ็กซี่นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการแต่งตัวตอนไปเที่ยวมากกว่า เพราะเวลาทำงาน เวลาซ่อมรถ เธอจะแต่งตัวมิดชิดรัดกุมมาก และว่ากันตามตรง ผู้หญิงทุกคนไม่มีใครอยากทำงานเลอะๆ แต่สำหรับเธอ ด้วยความที่เธอมองว่างานนี้สนุก แล้วก็ไม่ได้แย่ จึงไม่ได้คิดถึงเรื่องเลอะเทอะอะไรเลย แต่ถ้าถามถึง “ความฝัน” ที่เธออยากเป็นจริง ๆ เธอบอกว่า “สมัยเรียนอยู่ ตอนนั้นมีความฝันว่า อยากเป็นสัตวแพทย์ เพราะอยากช่วยสัตว์ เพราะสมายชอบเลี้ยงสัตว์มาก ๆ ซึ่งตอนนี้ก็เลี้ยงแมว 6 ตัว หมา 2 ตัว แต่เมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยนเส้นทาง เราก็ต้องทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น และปัจจุบันก็สนุกและมีความสุขกับการทำงานตรงนี้มาก ที่สำคัญ ตอนนี้มุ่งมั่นกับธุรกิจของครอบครัวมาก ๆ เพราะอยากขยายธุรกิจ หรือมีสาขาเพิ่ม จึงต้องทำการบ้านหนักมากว่าถ้าอยากเติบโต…อยากไปได้ไกลกว่านี้…จะต้องทำยังไง”.
สมายช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์สาวชุติกาญจน์เหิรอดิศัยสวยแซ่บก็ไม่ใช่แค่คอนเทนต์เดลินิวส์เชาวลี ชุมขำ : รายงาน
สมายช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์สาวชุติกาญจน์เหิรอดิศัยสวยแซ่บก็ไม่ใช่แค่คอนเทนต์เดลินิวส์本文地址:http://realhistorychan.com/html/29c599941.html
版权声明
本文仅代表作者观点,不代表本站立场。
本文系作者授权发表,未经许可,不得转载。