【ufaonline 1】60 ปี “The Sound of Music” 200 ปี “โยฮัน สเตราส์” | เดลินิวส์
ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของมาเรียและจอร์จ ฟอน แทรปป์ ออกฉายในปี 1965 ซึ่งมีเมืองซาลซ์บูร์ก เมืองที่ใหญ่ที่สุดลำดับที่ 4 ของประเทศออสเตรียเป็นฉากหลัง กำลังจะมีอายุครบ 60 ปีในปีนี้ และด้วยโอกาสพิเศษที่ว่านี้ เมืองซาลซ์บูร์ก จึงจะมีการเฉลิมฉลองพร้อมกิจกรรมพิเศษมากมาย
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์เมืองซาลซ์บูร์กเป็นที่จดจำกันในฐานะที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี พ.ศ. 2540 โดยมีความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมบาโรกบริเวณใจกลางเมืองที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ตั้งอยู่ท่ามกลางโอบล้อมของเทือกเขา มีแม่น้ำซาลซักค์ไหลผ่านทั่วเมือง
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์“พระราชวังมิราเบลล์และสวนมิราเบลล์” แปลงดอกไม้ขนาดใหญ่สไตล์บาโรกที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 ตามแบบแปลนของสถาปนิกชื่อดัง Fischer von Erlach เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ The Sound of Music นอกจากรูปปั้นจำนวนมากในรูปแบบศิลปะแบบกรีกที่กระจายอยู่ทั่วทั้งสวนแล้ว น้ำพุเพกาซัสขนาดใหญ่คือหนึ่งในจุดที่แฟนภาพยนตร์ต่างคุ้นเคย เพราะเป็นฉากที่มาเรียและเด็ก ๆ พากันร้องเพลง Do-Re-Mi และเต้นรำไปรอบ ๆ ขณะที่บันไดที่ทอดขึ้นสู่เนินกุหลาบของพระราชวังเป็นส่วนหนึ่งของฉากที่ว่า
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์©Tourismus Salzburg GmbH, Foto: Patrick LangwallnerMirabellgarten mit Blick auf Festung HohensalzburgMirabell Gardens with a view of Hohensalzburg Fortressขณะที่ “อารามนอนน์แบร์ก” ที่อยู่เนินเขาหลังเมืองเก่า คอนแวนต์ของผู้หญิงที่เก่าแก่ที่สุดทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใช้ในการถ่ายทำ ก่อตั้งในปีคริสตศักราช 714 และมีการใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะถูกเพลิงไหม้หลายครั้งแต่ก็ได้รับการสร้างขึ้นใหม่เสมอ อาคารที่เห็นอยู่ในปัจจุบันสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 16
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์เดินลงเนินมา ณ ใจกลางเมือง คือที่ตั้งของ “จตุรัสเรสซิเดนท์” จัตุรัสขนาดใหญ่ซึ่งเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ตรงกลางมีรูปปั้นน้ำพุม้าตัวใหญ่อยู่ เป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดของซาลซ์บูร์ก ประติมากรรมม้า โลมา และแผนที่ เป็นผลงานของ Tomasso di Garone ศิลปินชาวอิตาลี แต่ละด้านของน้ำพุเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมือง โดยน้ำพุที่ว่านี้ปรากฎอยู่ในหลายฉากของภาพยนตร์ด้วย และอย่าลืมเดินเลยไปที่ “โมสาร์ทชเตก” สะพานเหล็กดัดสไตล์อาร์ทนูโว อีกแห่งที่มาเรียและเด็ก ๆ เคยร้องเพลงและเต้นรำ
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์©Tourismus Salzburg GmbH, Foto: Patrick LangwallnerThe Sound of Music Pavillon (Gazebo) im Park von Schloss HellbrunnThe Sound of Music gazebo in the grounds of Hellbrunn Palaceส่วน “พระราชวังเฮลบุรนน์” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ศาลากระจกสีขาวถูกย้ายมาตั้งอยู่ในสวนของพระราชวัง จากที่เดิมเคยอยู่ริมน้ำในสวนหลังบ้านของตัวเอกเมื่อครั้งถูกใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ หลังจากทีมผู้สร้างมอบศาลานี้ให้กับเมืองเมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้นลง พระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยว เพราะไม่เพียงอยู่ไม่ไกลจากเมืองและยังมีจุดเด่นอยู่ที่น้ำพุกล ที่อาร์คบิชอปแห่งซาลซ์บูร์กสร้างขึ้น เพื่อไว้หยอกล้อบรรดาแขกเหรื่อที่มาเยี่ยมเยือน ซึ่งไม่ใช่แค่บริเวณสวนซึ่งมักใช้จัดปาร์ตี้จิบน้ำชายามบ่าย แต่ยังมีซ่อนอยู่ตามทางเดินในสวนด้วย
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์อีกแห่งที่อาร์คบิชอปฯ สร้างไว้คือ “ปราสาทโฮเฮนเวอร์เฟน” หรือป้อมปราการ ปราสาทหินยุคกลางตั้งอยู่บนความสูง 623 เมตรบนเสาหินสูง 155 เมตร ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในหุบเขาแม่น้ำซาลซักค์ ห่างจากตัวเมืองซาลซ์บูร์กไปราว 40 กิโลเมตร
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์นี่เป็นเพียงสถานที่บางส่วนเท่านั้น หากอยากมาเดินบนถนนเส้นเดียวกับที่มาเรียและเด็ก ๆ เคยร้องและเต้นรำเมื่อ 60 ปีก่อนนู้นนั้น แนะนำให้มาร่วมทัวร์เดินตามรอยธีม The Sound of Music ส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี นอกจากนี้ยีงมีนิทรรศการคอลเลคชั่นของครอบครัวแทรปป์ การแสดงละครและดนตรี เดินขึ้นเนินเขา Gschwandt Anger ไปยังจุดที่มาเรียสอนเด็ก ๆ ร้องเพลงโด-เร-มี รวมไปถึงงานกาล่าดินเนอร์สุดพิเศษซึ่งจะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดปี 2568
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์ไม่เพียงเรื่องราวของภาพยนตร์เพลงอมตะ ในปี 2568 นี้ยังเป็นปีที่ครบรอบ 200 ปีของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ โยฮัน สเตราส์ คีตกวีชาวออสเตรียที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาเพลงวอลทซ์ เจ้าของเพลงอมตะยอดนิยมอย่าง เดอะ บลู ดานูบ เพลงวอลทซ์ของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นเต้นรำและเป็นภาพสะท้อนของทัศนคติต่อชีวิตของชาวเวียนนา ขณะที่กรุงเวียนนาคือราชินี ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งดนตรีของโลก
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์โยฮัน สเตราส์ เป็นบุตรชายของโยฮัน สเตราส์ ผู้พ่อ ซึ่งเป็นคีตกวีเช่นกันและไม่อยากให้ลูกชายเดินตามรอยเท้า แต่อยากให้เป็นนายธนาคารมากกว่า แต่ด้วยสายเลือดศิลปินที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เขาจึงแอบหัดเล่นไวโอลินกับฟรานซ์ อามอน นักไวโอลินในวงดนตรีของพ่อ และมีโอกาสได้ฉายแววความสามารถอย่างจริงจังในวัยหนุ่มเมื่อผู้เป็นพ่อทิ้งครอบครัวไปและเขาสามารถเรียนดนตรีได้อย่างจริงจัง แม้เส้นทางจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่ในที่สุดเขาก็ขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดสำเร็จ
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์บ้างเรียกเขาว่า โยฮันน์ สเตราส์ จูเนียร์ หรือ โยฮันน์ สเตราส์ที่ 2 ว่ากันว่า ในสมัยนั้นเขามีชื่อเสียงมากกว่าใคร ๆ เขามีเสน่ห์ ความสามารถ มีไหวพริบในธุรกิจ และประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติด้วยการออกทัวร์ไปไกลถึงสหรัฐอเมริกา และมีฐานแฟน ๆ จำนวนมาก อิทธิพลของเขามีมากมายทั้งยังเป็นผู้กำหนดวัฒนธรรมความบันเทิงในยุคนั้น ในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่เขาคือผู้สร้างให้เกิดกระแสความนิยมเพลงวอลซ์ในกรุงเวียนนา ตลอดช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ทั้งยังเป็นผู้ปฏิวัติรูปแบบวอลทซ์ด้วยการยกระดับเพลงระบำชาวนาอันต่ำต้อย ขึ้นมาเป็นเพลงเพื่อให้ความบันเทิงแก่บุคคลชั้นสูงในราชสำนักฮับส์บวร์ก ในยุคนั้นสเตราส์เป็นบุคคลสำคัญในแวดวงดนตรีไม่ต่างจากป๊อปสตาร์ในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่เอลวิสไปจนถึงไมเคิล แจ็คสัน และมาดอนน่าไปจนถึงเทย์เลอร์ สวิฟต์
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 31 ธันวาคม 2568 ทั้ง 23 เขตของกรุงเวียนนาจะมีการจัดงานทั้งกลางแจ้งและในร่ม ทั้งในห้องบอลรูม บนเวที และในพื้นที่สาธารณะ รวมไปถึงในสุสานหรือบนท้องฟ้า ซึ่งจะมีทั้งวงออเคสตราอันยิ่งใหญ่ของเวียนนาและศิลปินร่วมสมัยมากมายเข้าร่วม สถาบันดนตรีที่สำคัญทุกแห่งของเวียนนาจะเข้าร่วมเฉลิมฉลอง รวมถึงสมาคมดนตรีเวียนนา Musikverein, Wiener Konzerthaus, MusikTheater an der Wien, Vienna Volksoper และ Vienna State Opera เสริมด้วยวันที่มีธีมพิเศษ เช่น วันเฟลเดอร์เมาส์ 5 เมษายน และวันเกิดของสเตราส์ในวันที่ 25 ตุลาคม
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์ลิลลี่ ฟรอดเมเยอร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติออสเตรีย (ANTO) บอกว่า ยังมีอีกหลายเหตุผลที่ควรไปเยือนออสเตรียในปี 2568 นอกจากจะมีอีเวนท์มากมายของงานเฉลิมฉลองที่ซาลซ์บูร์กและกรุงเวียนนา ยังมีการแข่งขันใหญ่อย่าง FIS Alpine World Ski Championships ที่เมืองซาลบาคในเดือนกุมภาพันธ์ และการเปิดตัวคู่มือร้านอาหารมิชลินฉบับออสเตรีย ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับคำแนะนำเกี่ยวกับร้านอาหารที่ดีที่สุดทั่วประเทศด้วย เข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ www.austria.info
ปีTheSoundofMusicปีโยฮันสเตราส์เดลินิวส์本文地址:http://realhistorychan.com/anyt-04252022.html
版权声明
本文仅代表作者观点,不代表本站立场。
本文系作者授权发表,未经许可,不得转载。